พูดถึงนักปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดในบ้านเรา ชื่อของ ดร. ทวีศักดิ์ ภู่หลำ อดีตอาจารย์ภาควิชาพืชไร่ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เป็นที่รู้จักกันดี เพราะมีผลงานมากมาย ที่สำคัญท่านเป็น 1 ใน 5 ของนักปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดระดับโลก ปัจจุบันเป็นเจ้าของ บริษัท สวีทซีดส์ จำกัด
จุดเด่น หวานกรอบอร่อย
ล่าสุดผลงานของ ดร. ผู้นี้คือ การพัฒนาพันธุ์ข้าวโพดหวานพิเศษสีแดง “ราชินีทับทิมสยาม” (Siam Ruby Queen) ถือเป็นข้าวโพดหวานสีแดงพันธุ์แรกของโลก ที่เกิดจากการปรับปรุงพันธุ์โดยฝีมือคนไทย ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของสีสันสวยสด รวมทั้งรสชาติที่แปลกใหม่ สามารถรับประทานสดได้เลย ทำให้ได้รสชาติที่หวานและมีความกรอบในตัว และในอีกไม่ช้าจะมีพันธุ์ Siam Ruby Queen 2 เข้ามาเสริม ซึ่งพันธุ์นี้จะมีรสชาติที่หวานอร่อยกว่าเดิม
ที่ผ่านมาการพัฒนาพันธุ์ข้าวโพดหวานพิเศษสีแดง นอกจาก ดร. ทวีศักดิ์ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท สวีทซีดส์ จำกัด จะเป็นตัวหลักแล้ว ยังมีลูกสาววัย 32 ปี คุณรวิกานต์ ภู่หลำเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคนสำคัญ โดยเป็นเจ้าของโครงการนี้ เรียกว่าเป็นลูกไม้ที่หล่นใต้ต้นจริงๆ เพราะเธอเรียนจบปริญญาโท สาขาปรับปรุงพันธุ์พืช จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ (University of Illinois at Urbana-Champaign) ประเทศสหรัฐอเมริกา และช่วยทำงานด้านพัฒนาสายพันธุ์ข้าวโพด โดยเฉพาะข้าวโพดหวานพิเศษสีแดงที่ทุ่มเทให้กับงานนี้อย่างจริงจัง และมีหน้าที่บรรยายให้ผู้คนในแวดวงการวิจัยและแวดวงเกษตรได้รับรู้ถึงวิธีการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดชนิดนี้ในหลายเวที
คุณรวิกานต์ เล่าว่า การพัฒนาพันธุ์ข้าวโพดสีแดงครั้งนี้ ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีชีวภาพหรือการตัดต่อยีน ทุกขั้นตอนเป็นการปรับปรุงพันธุ์พืชแบบดั้งเดิม (conventional breeding) ทั้งสิ้น และถือเป็นเจ้าแรกที่ทำข้าวโพดหวานพิเศษสีแดง ที่ผ่านมามีแต่ข้าวโพดหวานธรรมดาสีแดง
“ผู้คนมักจะเข้าใจเรื่องข้าวโพดหวานพิเศษสีแดง กับข้าวโพดเหนียวสีแดงสับสนกัน ซึ่งเป็นคนละชนิด ของเราไม่ใช่ข้าวโพดข้าวเหนียว และสามารถทานสดได้เลย เหมือนทานผลไม้ทั่วไป”
วันไหนที่เธอออกบู๊ธในงานต่างๆ ก็จะฝานเนื้อข้าวโพดสีแดงสดๆ ให้ได้ชิมกัน ซึ่งทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า หวานกรอบอร่อย บางคนถึงกับขอซื้อข้าวโพดที่นำมาโชว์ พร้อมกับถามว่าจะหาซื้อได้ที่ไหน เพราะติดใจรสชาติอยากจะนำไปใส่รับประทานกับสลัด เพราะนอกจากจะมีสีสันสวยสดแล้ว ยังมีรสหวานอีกด้วย

สำหรับประโยชน์ของข้าวโพดแดงนี้ เธออธิบายว่า มีปริมาณสารแอนโทไซยานิน (anthocyanin) สูง ซึ่งสารตัวนี้เป็นตัวเดียวกับที่มีในดอกอัญชันที่นำมาต้มดื่มกันเพื่อสุขภาพ เป็นสารรงควัตถุสีม่วง-แดง ที่มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูง โดยมีจำนวนมากทั้งในเมล็ด ซัง และไหมข้าวโพด ซึ่งนำเมล็ดมารับประทานตามปกติก็ได้ หรือจะนำไหมกับซังมาต้มเพื่อสกัดสารตัวนี้ก็ได้ ถ้ารับประทานเมล็ดข้าวโพดตัวนี้มีกลิ่นหอมคล้ายๆ ผลไม้บางชนิด และมีรสชาติหวานกรอบเป็นเอกลักษณ์
เรื่องการปลูก คุณรวิกานต์ กล่าวว่า ปลูกเหมือนข้าวโพดหวานปกติทั่วไป แต่ข้าวโพดหวานสีแดงนี้จะไม่ชอบหน้าฝนที่มีช่วงฝนตกหนักตลอด เพราะอ่อนแอต่อความชื้นสูงๆ มากกว่าพันธุ์อื่น แต่ก็มีเกษตรกรบางคนนำไปปลูกช่วงหน้าฝนและได้ผลผลิตดีด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการปลูกด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงอายุ 45-50 วัน ต้องหมั่นตรวจดูการระบาดของแมลงอีกครั้ง โดยเฉพาะหนอนเจาะลำต้น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ หากพบการระบาดให้กำจัดตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร พร้อมให้ปุ๋ย สูตร 46-0-0 ในอัตรา 10-15 กิโลกรัม ต่อไร่
รับรองปลูกแล้วขายได้ราคา
คุณรวิกานต์ แนะนำว่า ในการปลูกข้าวโพดนั้น ต้องจดวันที่ข้าวโพดออกไหมด้วย และในช่วง 50-65 วัน ให้หมั่นเดินดูแปลงเป็นพิเศษ โดยหลังจาก 20 วัน หลังออกไหม สามารถเก็บเกี่ยวได้เลย
เธอเน้นย้ำว่า ที่ระบุให้นับ 20 วัน หลังออกไหม แทนที่จะเป็นจำนวนวันหลังปลูก เพราะวันออกดอกของข้าวโพดจะเปลี่ยนแปลงได้ 1-2 วัน ขึ้นกับฤดูกาลกับช่วงแสง โดย “65 วัน” ที่ระบุเป็นค่าเฉลี่ยสำหรับใช้เป็นแนวทางในการวางแผนการปลูก เพราะเปลี่ยนได้อย่างมากไม่เกิน 2 วัน
ส่วนกรณีที่ให้นับ 20 วัน หลังข้าวโพดออกไหมแล้ว เพราะข้าวโพดหวานจะมีน้ำหนักดีและรับประทานได้ที่ 20 วัน หลังออกไหม ถ้าเก็บช้าความหวานจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด และจะทำให้ราคาตก

คำแนะนำอีกอย่างคือ ไม่ควรปลูกให้ออกดอกพร้อมกับข้าวโพดพันธุ์อื่น แม้จะเป็นข้าวโพดหวานเหมือนกันก็ตาม ซึ่งข้าวโพดหวานสีแดงนี้อายุเบากว่าข้าวโพดหวานชนิดอื่นๆ คือจะออกดอกภายใน 45 วัน หลังปลูก จะเก็บเกี่ยวได้ที่ 65 วัน หลังปลูก
ว่าไปแล้วตอนนี้เกษตรกรบ้านเรายังปลูกข้าวโพดหวานพิเศษสีแดงไม่มากเท่าไร เพราะเมล็ดพันธุ์เพิ่งจำหน่ายได้ไม่นาน เกษตรกรยังไม่ค่อยรู้จักกันมากนัก แต่ค่อยๆ ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่ม เนื่องจากสามารถขายได้ราคาต่อฝักดีกว่าข้าวโพดหวานทั่วไป ส่วนหนึ่งเพราะคนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น และรู้ว่าสารแอนโทไซยานินมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ขณะเดียวกัน บริษัท สวีทซีดส์ฯ ก็กำลังเร่งผลิตเมล็ดพันธุ์เพิ่ม เพื่อให้ทันกับความต้องการของตลาด ซึ่งเกษตรกรมักบ่นว่าไม่รู้จะไปหาซื้อได้ที่ไหน
นอกจากนี้ การที่ ดร. ทวีศักดิ์ และลูกสาว นำผลงานวิจัยดังกล่าวไปออกบู๊ธในงานต่างๆ ของหน่วยราชการ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ก็ทำให้สื่อมวลชนนำไปประชาสัมพันธ์กันมากขึ้น
ล่าสุดในงานประชุมวิชาการนานาชาติและนิทรรศการเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านเกษตรและเศรษฐกิจฐานชีวภาพ (International Conference on Sustainable Agriculture and Bioeconomy 2017 หรือ แอ็กไบโอ AgBio 2017) เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดงานประชุมดังกล่าว ก็ได้นำข้าวโพดหวานพิเศษสีแดงนี้เป็นเมนูพระกระยาหารกลางวันของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ปัจจุบัน ทาง บริษัท สวีทซีดส์ จำกัด ขายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดหวานพิเศษสีแดง กิโลกรัมละ 1,000 บาท และมีขายเป็นซอง ซองละ 500 เมล็ด ราคา 100 บาท ซึ่งมีราคาสูงกว่าพันธุ์ข้าวโพดหวานทั่วไป ที่ขายกิโลกรัมละ 750 บาท แต่ทางคุณรวิกานต์บอกว่า แม้ราคาจะแพงกว่า แต่ข้าวโพดชนิดนี้ขายได้ในราคาที่สูงกว่าข้าวโพดหวานสีเหลืองด้วย ขายได้ฝักละ 10 บาทขึ้นไป ซึ่งถือว่าพันธุ์นี้เป็นทางเลือกใหม่ให้กับเกษตรกร เพื่อที่จะได้ขายสินค้าเกรดพรีเมี่ยม ด้วยความที่เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดหวานพิเศษสีแดง ยังไม่มีขายอย่างแพร่หลาย จึงมีพ่อค้าแม่ค้าหัวใสบางรายซื้อแล้วไปขายต่อ ในราคา เมล็ดละ 3 บาท
ข้าวโพดหวาน “5 ไร่ ยอด”
ด้าน ดร. ทวีศักดิ์ กล่าวเสริมว่า การปลูกข้าวโพดหวานสีแดงไม่ต่างจากข้าวโพดหวานทั่วไป รวมระยะเวลาในการเตรียมดิน เพาะปลูก และเก็บเกี่ยวประมาณ 80 วัน ปีหนึ่งปลูกได้ถึง 4 รอบ แต่ควรปลูกหลายแปลง หมุนเวียนกันไป ยกตัวอย่าง แปลงแรกเมื่อต้นโตในระยะหนึ่งแล้ว ค่อยปลูกอีกแปลง เพื่อให้ได้ผลผลิตตลอดทั้งปี ส่วนการดูแลบำรุงควรใส่ปุ๋ยรองพื้นในช่วงเตรียมดิน สูตร 15-15-15 อัตรา 30-50 กิโลกรัม ต่อไร่ และฉีดยาพ่นสารกำจัดวัชพืชตั้งแต่วันปลูกหรือหลังวันปลูกไม่เกิน 2 วัน
ดร. ทวีศักดิ์ ให้ข้อมูลด้วยว่า ปัจจุบันพืชเศรษฐกิจหลายตัวที่เกษตรกรไทยปลูกและประสบปัญหาราคาตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็นข้าวหรือยางพารา ฯลฯ ตนจึงได้ทำงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ด้วยการสนับสนุนของ สกว. หัวข้อปลูกข้าวโพดหวาน “5 ไร่ ยอด” โดยนำเกษตรกร จำนวน 13 ราย มาอบรมวิธีการปลูกข้าวโพดแบบครบวงจร ตั้งแต่การเตรียมดินจนถึงการบำรุงรักษา รวมถึงการนำผลผลิตที่ได้ไปขายเอง จะสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้ในเศรษฐกิจยุคนี้
ปัจจัยที่เป็นแรงผลักดันให้การปลูกข้าวโพดหวานสามารถทำเงินได้เป็นอย่างดี เพราะทุกวันนี้ผู้คนหันมาบริโภคข้าวโพดหวานกันมากขึ้น เพราะรู้ว่าในข้าวโพด 1 ฝัก มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหาร ไม่ว่าจะเป็นไลโคปีน แอนโทไซยานิน ไฟเบอร์ เกลือแร่ และวิตามินต่างๆ และหากจะทำให้ข้าวโพดหวานอร่อย ไม่ควรจะใช้น้ำต้มเยอะจนท่วมฝักข้าวโพดแล้วปล่อยให้สุกนาน ควรนึ่งดีกว่า หรือใช้วิธีต้มในหม้อโดยใส่น้ำไปแค่ 2 เซนติเมตร แล้วปิดฝา เท่านี้ก็เหมือนวิธีการนึ่งแล้ว ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็จะได้ข้าวโพดต้มที่หวานหอมอร่อย
เวลานี้เกษตรกรรุ่นใหม่บางรายนำข้าวโพดหวานสีแดงนี้ไปปลูกแล้วชูเป็นจุดเด่นของไร่ อย่างเช่น ไร่ณัฐธยาน์ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งขายเมล็ดพันธุ์ด้วย ได้เขียนลงในเฟซบุ๊กบรรยายจุดเด่นของพันธุ์ “ราชินีทับทิมสยาม” ว่า รสชาติหวานมาก เนื้อแป้งกรอบ และมีสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย


พร้อมกันนั้นยังมีอีกหลายไร่ที่นำข้าวโพดชนิดนี้ไปปลูก เพื่อสร้างจุดขายให้กับไร่ อีกหน่อยหากเกษตรกรปลูกกันมากขึ้น เชื่อว่าคงมีการนำมาแปรรูปทำน้ำข้าวโพดขายแน่ ซึ่งแน่นอนกลุ่มเป้าหมายต้องเป็นกลุ่มผู้รักสุขภาพที่รู้ดีว่าน้ำข้าวโพดสีแดงนี้มีประโยชน์ต่อร่างกาย
วกกลับมาที่ บริษัท สวีทซีดส์ จำกัด ของ ดร. ทวีศักดิ์ กันต่อ ความจริงบริษัทพัฒนาพันธุ์ข้าวโพดอีกหลายชนิด และส่วนใหญ่จะมีบริษัทของคนไทยและต่างชาติมาซื้อลิขสิทธิ์ แล้วนำไปใส่แบรนด์ตัวเอง โดยเฉพาะในประเทศอาเซียนนั้น เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดหลากหลายชนิดของบริษัทได้รับความนิยมมาก
ผู้สนใจ อยากศึกษาดูงานเรื่องการปลูกข้าวโพดหวาน โทร.ติดต่อที่ (036) 716-233-4 หรือ (081) 825-0403 หรือที่เฟซบุ๊ก ของ ดร. ทวีศักดิ์ (taweesak.pulam) หรือจะไปดูที่แปลงของบริษัท ที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ก็ได้ ซึ่งตอนนี้กำลังจะเริ่มปลูกข้าวโพดรอบใหม่ และในช่วงกลางปีจะเปิดไร่ข้าวโพดของบริษัทให้ผู้คนทั่วไปเข้าชมเรียนรู้วิธีการปลูก
ฉะนั้น เกษตรกรหน้าใหม่หรือหน้าเก่ารายใด กำลังหาพืชปลูก ที่สามารถทำรายได้ดี โดยใช้เวลาไม่นานนัก ลองศึกษาหาข้อมูลเรื่องข้าวโพด พันธุ์ “ราชินีทับทิมสยาม” ดู ซึ่งหากปลูกตอนนี้เชื่อว่ามีตลาดรองรับแน่นอน
ที่มา : https://www.technologychaoban.com/agricultural-technology/article_15735